
การตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากแบบพุ่งเป้า
04 พฤศจิกายน 2565
โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยเป็นอันดับต้นๆ ในผู้ชาย และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยลักษณะของโรคที่มีการเติบโตอย่างช้า ในระยะแรกอาจจะยังไม่ได้แสดงอาการ แต่หากมีการพัฒนาเป็นระยะลุกลาม อาจมีอาการทางปัสสาวะเช่น ปัสสาวะขัดลำบาก ปัสสาวะปนเลือด รวมถึงเป็นระยะกระจายอาจทำให้มีอาการปวดกระดูกบริเวณนั้นๆได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค ได้แก่
- อายุ : โอกาสการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากมีแนวโน้มสูงขึ้นตามอายุ ส่วนใหญ่จะพบในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
- พันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติบิดาหรือพี่น้องเคยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากจะมีโอกาสเสี่ยงกว่าคนทั่วไป
- เชื้อชาติ พบมากในกลุ่มชายชาวตะวันตกทั้งในยุโรปและอเมริกา ขณะที่คนเอเชียพบได้น้อยกว่า
- อาหาร การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ให้พลังงานสูง และอาหารจากพวกเนื้อแดงอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้
การตรวจวินิจฉัยให้พบตั้งแต่ระยะเริ่มแรก จะมีความสำคัญต่อผลการรักษาที่ดี และเพิ่มอัตราการหายของโรค สำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก มีดังนี้
- การคลำต่อมลูกหมากทางทวารหนัก (Digital rectal examination)
- การเจาะเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็ง PSA ซึ่งพบว่าสารตัวนี้จะถูกผลิตขึ้นมามากกว่าปกติ ในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
- การตรวจโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI prostate) เป็นวิธีแนวใหม่ที่จะมีการถ่ายภาพอุโมงโดยอาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยทำให้เห็นภาพเนื้อเยื่ออวัยวะภายในโดยเฉพาะต่อมลูกหมากได้ละเอียดแม่นยำ เห็นลักษณะรอยโรคและติดตามรักษาได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องเจ็บตัว
หากผู้ป่วยพบมีค่า PSA สูงจะมีแนวโน้มเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก แพทย์จะทำการตรวจอัลตร้าซาวด์ทางทวารหนักและเจาะชิ้นเนื้อต่อมลูกหมาก เพื่อมาตรวจทางพยาธิวิทยา ปัจจุบันได้มีวิธีการตรวจชิ้นเนื้อด้วยวิธีแนวใหม่ เรียกว่า การตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยวิธีแบบพุ่งเป้า (MRI/Ultrasound Fusion Biopsy) โดยการตรวจนี้เป็นการใช้เทคโนโลยีภาพเอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็กสามมิติพร้อมกับการทำอัลตร้าซาวด์แบบ Real time ทำให้แพทย์เห็นรายละเอียด, ตำแหน่งก้อนเนื้อได้ชัดเจน การตรวจวินิจฉัยมีความแม่นยำมากขึ้น ผู้ป่วยได้เข้าสู่ระบบการรักษาเร็ว ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังการรักษาดีขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ยังมีข้อจำกัดในผู้ป่วยที่มีโลหะในร่างกาย เช่น เคยได้รับการผ่าตัดใส่ลิ้นหัวใจเทียมหรือข้อเทียมโลหะ เนื่องจากโลหะในร่างกายของผู้ป่วยจะไปรบกวนการทำงานของคลื่นแม่เหล็ก ทำให้ไม่สามารถสร้างภาพต่อมลูกหมากออกมาได้ รวมถึงผู้ป่วยที่รับประทานยาในกลุ่มยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งหากจะเข้ารับการตรวจวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็จะต้องหยุดรับประทานยาเหล่านั้นก่อนการทำหัตถการเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : ศูนย์ศัลยกรรม (M Club)